
โปรแกรมเมอร์รุ่นใหม่ = คนที่ “ใช้ AI เป็น”
ในอดีตการเป็นโปรแกรมเมอร์ที่เก่ง หมายถึงการ “จำ syntax ได้เยอะ” หรือ “เขียนโค้ดเร็ว” แต่ในปี 2025 นิยามเปลี่ยนไปแล้วครับ เพราะ AI ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตโปรแกรมเมอร์ทุกวัน
วันนี้การเขียนโค้ดไม่จำเป็นต้องเริ่มจากศูนย์ แต่สามารถใช้ AI tools สำหรับโปรแกรมเมอร์ มาช่วยเขียนโค้ด ตรวจบั๊ก และอธิบาย logic ได้ ทำให้ Developer สามารถโฟกัสกับงานเชิงวิเคราะห์และออกแบบระบบได้มากขึ้น
คำถามที่หลายคนสงสัยคือ 👉 “โปรแกรมเมอร์ใช้ AI อะไรดี?”
บทความนี้เราจะพาไปดู AI coding tools 2025 ที่กำลังมาแรง และทุกคนควรรู้จัก
GitHub Copilot → ผู้ช่วยเขียนโค้ดอัจฉริยะ
ถ้าพูดถึง AI tools สำหรับโปรแกรมเมอร์ ชื่อแรกที่หลายคนนึกถึงคือ GitHub Copilot ที่พัฒนาโดย GitHub ร่วมกับ OpenAI
- จุดเด่น:
- Auto-complete code ตาม context ที่คุณเขียน
- สามารถ generate function ทั้งชุดจากแค่ comment
- รองรับหลายภาษา เช่น JavaScript, Python, Java, C#
- Auto-complete code ตาม context ที่คุณเขียน
- ตัวอย่างการใช้งาน:
- คุณพิมพ์ comment ว่า // function แปลงตัวเลขเป็นเลขโรมัน → Copilot จะเขียนฟังก์ชันให้ครบ
- เหมาะกับงานที่โค้ดซ้ำ ๆ หรือ boilerplate code
- คุณพิมพ์ comment ว่า // function แปลงตัวเลขเป็นเลขโรมัน → Copilot จะเขียนฟังก์ชันให้ครบ
- เหมาะกับใคร:
- โปรแกรมเมอร์ทุกสาย ทั้ง Frontend, Backend, Mobile, Data
- โปรแกรมเมอร์ทุกสาย ทั้ง Frontend, Backend, Mobile, Data
ในปี 2025 Copilot ได้พัฒนาให้เข้าใจ Codebase ขนาดใหญ่ มากขึ้น สามารถช่วยวิเคราะห์ได้ว่า function ไหนเรียกใช้จากที่ไหนบ้าง ซึ่งช่วยลดเวลาการ debug อย่างมหาศาล
ChatGPT → อธิบายโค้ด, Debug, และสร้างไอเดีย
หลายคนอาจรู้จัก ChatGPT ในฐานะ chatbot ที่ตอบคำถาม แต่จริง ๆ แล้วมันคือ หนึ่งใน AI tools สำหรับโปรแกรมเมอร์ที่ทรงพลังที่สุด
- สิ่งที่ ChatGPT ทำได้:
- อธิบายโค้ดที่ซับซ้อนให้อ่านง่าย
- Debug code โดยการวิเคราะห์ error message
- Generate test case หรือ API request ตัวอย่าง
- Brainstorm idea ฟีเจอร์ใหม่ ๆ
- อธิบายโค้ดที่ซับซ้อนให้อ่านง่าย
- ตัวอย่างการใช้งาน:
- copy error log ไปถาม → ChatGPT ช่วยแนะนำวิธีแก้
- อธิบาย function ยาว ๆ ใน codebase ให้เข้าใจภาพรวม
- copy error log ไปถาม → ChatGPT ช่วยแนะนำวิธีแก้
- ข้อดีในปี 2025:
- GPT รุ่นใหม่สามารถอ่านไฟล์ทั้ง project ได้ ไม่ใช่แค่ snippet
- สามารถ integrate เข้ากับ IDE หรือ GitHub workflow ได้โดยตรง
- GPT รุ่นใหม่สามารถอ่านไฟล์ทั้ง project ได้ ไม่ใช่แค่ snippet
- เหมาะกับใคร:
- Dev มือใหม่ → ใช้เป็น “ครูสอนโค้ดส่วนตัว”
- Dev มืออาชีพ → ใช้เป็น “คู่คิด” สำหรับแก้โจทย์ยาก ๆ
- Dev มือใหม่ → ใช้เป็น “ครูสอนโค้ดส่วนตัว”
Tabnine → Auto-complete โค้ดที่เบาและเร็ว
อีกหนึ่ง AI coding tool 2025 ที่ได้รับความนิยมคือ Tabnine ซึ่งเน้นเรื่อง Code Completion ที่รวดเร็วและ lightweight
- จุดเด่น:
- ตอบสนองไวมาก (latency ต่ำกว่า Copilot)
- เน้นความเป็นส่วนตัวของ code (on-device AI model)
- ปรับแต่งให้เรียนรู้จาก codebase ภายในทีมได้
- ตอบสนองไวมาก (latency ต่ำกว่า Copilot)
- ตัวอย่างการใช้งาน:
- เวลาพิมพ์ loop หรือ function → Tabnine จะเติมโค้ดต่อให้เลย
- เหมาะสำหรับ dev ที่ชอบความรวดเร็ว ไม่ต้องการระบบซับซ้อน
- เวลาพิมพ์ loop หรือ function → Tabnine จะเติมโค้ดต่อให้เลย
- เหมาะกับใคร:
- ทีม Enterprise ที่ต้องการควบคุม data security
- Dev ที่อยากได้ AI ที่ “ไม่หน่วงเครื่อง”
- ทีม Enterprise ที่ต้องการควบคุม data security
Tabnine อาจจะไม่เก่งเรื่อง “แก้โจทย์ซับซ้อน” เท่า Copilot หรือ ChatGPT แต่ถ้าเรื่อง productivity และ speed → ถือว่าโดดเด่น
Cursor IDE / Codeium → IDE ที่ฝัง AI มาให้
ถ้า GitHub Copilot และ Tabnine เป็น AI plugin สำหรับ IDE ที่มีอยู่แล้ว เครื่องมือใหม่อย่าง Cursor IDE และ Codeium ก้าวไปอีกขั้น คือสร้าง IDE ที่ฝัง AI มาในตัวเลย
- Cursor IDE
- ดัดแปลงมาจาก VS Code
- มี AI Assistant ในตัว → สามารถถามได้เหมือน ChatGPT แต่เจาะจงกับ codebase
- Feature เด่นคือ “Ask Code” → ให้ AI หา logic ว่า function นี้ถูกเรียกที่ไหน
- ดัดแปลงมาจาก VS Code
- Codeium
- เน้นฟรี + ใช้งานง่าย
- มี autocomplete, chat, และ refactor code ในตัว
- รองรับกว่า 70 ภาษา
- เน้นฟรี + ใช้งานง่าย
- ข้อดี:
- ไม่ต้องสลับไปมาระหว่าง IDE และ chatbot
- เหมาะกับ dev ที่ทำงานกับ project ขนาดใหญ่และต้องการ AI คอย monitor ตลอด
- ไม่ต้องสลับไปมาระหว่าง IDE และ chatbot
เลือก AI Tools ให้ตรงสายงาน
ในปี 2025 เครื่องมือมีให้เลือกเยอะมาก แต่ โปรแกรมเมอร์ใช้ AI อะไรดี? คำตอบคือ “ขึ้นอยู่กับสายงาน”
- Frontend Developer → GitHub Copilot + Cursor IDE (ช่วยเติม UI code, CSS, React component)
- Backend Developer → ChatGPT + Codeium (ช่วย debug, อธิบายระบบ, เชื่อม API)
- Data Engineer / Data Scientist → ChatGPT + Tabnine (ช่วยจัดการ Python, SQL, Data pipeline)
- Fullstack Developer → ใช้ผสมหลายตัว เช่น Copilot + ChatGPT + Cursor
สิ่งสำคัญคือการ “เลือกให้เหมาะกับ workflow” ไม่ใช่แค่ตาม trend
บทสรุป: AI ไม่ได้มาแทนโปรแกรมเมอร์ แต่มาเพิ่มพลัง
AI tools ไม่ได้ทำให้โปรแกรมเมอร์หมดความสำคัญ ตรงกันข้าม… มันทำให้โปรแกรมเมอร์ โฟกัสกับการคิดเชิงระบบ ออกแบบ solution และแก้ปัญหาที่ซับซ้อน มากขึ้น
ถ้าในปี 2024 ใครยังสงสัยว่า AI จะมาแย่งงานหรือไม่ → ปี 2025 คำตอบชัดเจนแล้วครับว่า “คนที่ใช้ AI เป็น = ได้เปรียบ”
ดังนั้นอย่ามัวกลัว AI แต่ให้เริ่มถามตัวเองว่า:
👉 “วันนี้เราใช้ AI coding tools 2025 ตัวไหนแล้วบ้าง?”


