How to : ฝึก Coding อย่างไรให้เก่งขึ้น

How to : ฝึก Coding อย่างไรให้เก่งขึ้น

การ Coding หรือการเขียนโค้ด ถือว่าเป็นทักษะที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออาชีพโปรแกรมเมอร์ เนื่องจากเป็นทักษะพื้นฐานที่จำเป็นในการพัฒนาซอฟต์แวร์และระบบต่าง ๆ เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการ Coding เป็นทักษะเฉพาะทางที่ขาดไม่ได้ของอาชีพโปรแกรมเมอร์ 

หากคุณกำลังมองหาวิธีที่จะเริ่มต้นและพัฒนาทักษะ เพื่อก้าวไปสู่ความเชี่ยวชาญ Coding บทความนี้ จะนำเสนอแนวทางและเทคนิคการฝึกเขียนโปรแกรมให้เก่งขึ้น เพื่อผู้ที่เข้ามาอ่านจะได้แนวทางในกำหนดทิศทางฝึกฝนและพัฒนาทักษะได้  

1. ฝึกการคิดอย่างมีตรรกะ (Logic) โดยไม่ต้องใช้ภาษาโปรแกรม

การคิดอย่างมีตรรกะ เป็นพื้นฐานสำคัญในการเป็น โปรแกรมเมอร์ที่มีคุณภาพ เนื่องจากช่วยให้โปรแกรมเมอร์สามารถแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมของโปรแกรมเมอร์ ซึ่งเราสามารถฝึกฝนโดยไม่ต้องใช้ภาษาโปรแกรมได้หลายวิธี เช่น

ฝึกอัลกอริธึม (Algorithm) ผ่านการเล่นเกม เช่น
  • Chess (หมากรุก)   
    พัฒนาการคิดเชิงกลยุทธ์และะการแก้ปัญหา เพื่อให้ได้วิธีเดินหมากที่ดีที่สุดในสถานการณ์ที่กำลังเผชิญ 
  • Sudoku 
    พัฒนาด้านการจัดการข้อมูล ช่วยพัฒนาทักษะการวิเคราะห์และการคิดอย่างเป็นระบบ 
  • Lightbot 
    พัฒนาทักษะการแก้ปัญหาและการคิดเชิงตรรกะโดยใช้ภาพแทนการเขียนโค้ด 
  • Human Resource Machine 
    พัฒนาทักษะการคิดแบบขั้นตอน ฝึกการคิดและการแก้ปัญหาโดยใช้ตรรกะ เป็นต้น 
ฝึกอัลกอริธึม (Algorithm) ผ่านการแก้โจทย์คณิตศาสตร์ 

การแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาทักษะที่จำเป็นของโปรแกรมเมอร์ได้ ไม่ว่าจะเป็นการคิดเชิงตรรกะ, การวิเคราะห์โครงสร้าง, การวางแผนขั้นตอน รวมถึงการใช้ตรรกะในการแก้ปัญหา 

ฝึกการแบ่งปัญหาเป็นส่วนย่อย

การแบ่งปัญหาให้เป็นส่วนย่อยที่จัดการได้ง่ายขึ้นทำให้สามารถแก้ไขและจัดการกับปัญหาที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้น โดยจะช่วยพัฒนาทักษะด้านการคิด วิเคราะห์โจทย์หรือปัญหา ทำความเข้าใจถึงข้อกำหนดและข้อจำกัดของปัญหาได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงช่วยพัฒนาทักษะในด้านการวางแผนการแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

2. เลือกภาษาโปรแกรมที่เหมาะสม

การเลือกภาษาโปรแกรมที่เหมาะสมเป็นขั้นตอนสำคัญในการฝึกเขียนโปรแกรม โดยภาษาที่เหมาะสมจะช่วยให้การเริ่มต้นเรียนรู้เป็นไปอย่างราบรื่นในการพัฒนาทักษะสู่สายอาชีพโปรแกรมเมอร์ เช่น

ภาษา Python

ภาษาที่นิยมสำหรับผู้เริ่มต้นเนื่องจากมีไวยากรณ์ที่เรียบง่าย อ่านเข้าใจง่าย สามารถนำไปต่อยอดได้หลายอย่าง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ สร้าง AI (Artificial Intelligence) ใช้ในการจัดเก็บฐานข้อมูล และอื่น ๆ

ภาษา Java

เป็นภาษาโปรแกรมที่มีโครงสร้างชัดเจนและใช้งานอย่างแพร่หลาย เนื่องจากเป็นภาษาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูง และใช้ได้หลากหลายแพลตฟอร์ม ทั้ง Desktop applications, Mobile applications,Website และอื่น ๆ
คอร์สเรียน Java Spring Boot

ภาษา JavaScript 

เป็นภาษาที่เหมาะสำหรับการพัฒนาเว็บไซต์และเว็บแอปพลิเคชัน เนื่องจากเป็นภาษาที่มีการจัดระเบียบอย่างดี โปรแกรมอ่านได้ง่าย ทั้งยังง่ายต่อนักพัฒนาอีกด้วย ซึ่งก็จะถูกใช้ร่วมกันกับ HTML และ CSS 
คอร์สเรียน Basic Programming

ภาษา C#  

เป็นภาษาที่พัฒนาโดย Microsoft ใช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชันบนแพลตฟอร์ม .NET และเกมด้วย Unity  

 ภาษา Swift  

ใช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชันบนแพลตฟอร์ม iOS และ macOS มีไวยากรณ์ที่ทันสมัยและใช้งานง่าย 

นอกจากนี้ ยังมีภาษาโปรแกรมอื่น ๆ อีกมากมาย นอกเหนือจากที่ยกตัวอย่างมา  
ในการเริ่มต้นเลือกเรียนภาษา แนะนำเลือกเรียนภาษาโปรแกรม จากธุรกิจของบริษัทที่เราสนใจ เพราะ ธุรกิจเป็นผู้เลือกภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการนั่นเอง 

3. ฝึกเขียนโปรแกรม

การฝึกเขียนโปรแกรมอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การเรียนรู้เขียนโปรแกรมเป็นไปอย่างธรรมชาติและช่วยพัฒนาทักษะจากเริ่มต้นสู่ความชำนาญได้ โดยเราสามารถฝึกเขียนโปรแกรมได้หลากหลายวิธี เช่น 

ฝึกเขียนโปรแกรมผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ 

เพื่อฝึกแก้โจทย์ปัญหาและทดสอบทักษะการเขียนโปรแกรม ซึ่งมีโจทย์หลากหลายระดับความยากที่ช่วยพัฒนาทักษะด้านการเขียนโปรแกรมทีละขั้น เช่น 

  • Leetcode 
    แพลตฟอร์มที่เน้นฝึกฝนการเขียนโปรแกรมผ่านโจทย์ปัญหา 
    ภาษาที่รองรับ: Python, JavaScript, Java, C++, C# และอื่น ๆ 
     
  • HackerRank 
    แพลตฟอร์มที่มีโจทย์ปัญหาการเขียนโปรแกรม และยังมีการแข่งขันต่าง ๆ รวมถึงสามารถทดสอบทักษะของตัวเองได้ผ่านแพลตฟอร์มนี้ 
    ภาษาที่รองรับ: Python, JavaScript, Java, C++, C# และอื่น ๆ 
     
  • Exercism 
    แพลตฟอร์มการฝึกเขียนโปรแกรม ที่มีระบบเมนเทอร์ช่วยให้คำแนะนำเกี่ยวกับโค้ดที่เราเขียน ทำให้เรียนรู้และพัฒนาทักษะได้ดียิ่งขึ้น 

ภาษาที่รองรับ: Python, JavaScript, Java, Ruby, Go และอื่น ๆ 

นอกจากจะช่วยฝึกฝนทักษะการเขียนโค้ดสำหรับผู้เริ่มต้น หรือคนย้ายสายแล้ว แพลตฟอร์มข้างต้น ยังเหมาะสำหรับโปรแกรมเมอร์มืออาชีพที่ต้องกา่รฝึกฝนโจทย์เพิ่มเติม เพื่อเตรียมตัวสำหรับการหางานได้เช่นกัน 
 

ฝึกเขียนโปรแกรมผ่านเกม 

อีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้การฝึกเขียนโปรแกรมสนุก ทั้งยังพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมได้อย่างรวดเร็ว ไม่น่าเบื่อ เช่น 

  • Codewars  
    เป็นการเรียนรู้เชิงท้าทายตัวเอง ซึ่งจะช่วยพัฒนาทักษะความคิดเชิงตรรกะผ่านการแก้โจทย์ปัญหาในรูปแบบต่าง ๆ  เพื่อเลื่อนระดับและเก็บคะแนน 
    ภาษาที่รองรับ: Python, JavaScript, Ruby, Java, C# และอื่น ๆ 
     
  • Code Combat  
    เป็นการเรียนรู้โดย Coding ควบคุมตัวละครในเกมให้ทำภารกิจต่าง ๆ ทั้งต่อสู้กับอสูร, เก็บเหรียญ หรือการไขปริศนา เป็นต้น 
    ภาษาที่รองรับ: Python, JavaScript, CoffeeScript, และ Lua 
     
  • CheckIO 
    เรียนรู้การเขียนโปรแกรมผ่านการแก้โจทย์ปัญหาที่ท้าทาย เพื่อปลดล็อกเกาะใหม่ ๆ และสำรวจโลกต่าง ๆ ซึ่งจะมีระดับความยากที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ 
    ภาษาที่รองรับ: Python, JavaScript 
     
  • CodinGame 
    เรียนรู้การเขียนโปรแกรมผ่านแก้ไขปริศนาหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ระดับง่ายไปจนถึงระดับโจทย์ที่ซับซ้อน 
    ภาษาที่รองรับ: Python, JavaScript, C++, Java, C# และอื่น ๆ 

ถ้าใครกำลังเบื่อ ๆ จากโจทย์แบบเดิม ลองมาใช้เวลาในการฝึกเขียนโปรแกรมและพัฒนาทักษะผ่านเกม เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศในการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างสนุกสนานและมีประสิทธิภาพได้ 

ฝึกเขียนโปรแกรมผ่านโปรเจกต์

เป็นวิธีที่จะช่วยพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมและความเข้าใจในแนวคิดการเขียนโปรแกรมอย่างลึกซึ้ง ซึ่งการทำโปรเจกต์ช่วยให้ได้ฝึกแก้ปัญหาที่พบในสถานการณ์จริง ได้ใช้และบูรณาการความรู้จากหลาย ๆ ด้าน ได้ฝึกทักษะการวางแผนและการจัดการโปรเจกต์ ตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งสามารถทำได้โดยการ 

  • ศึกษาจากโปรเจกต์ที่มีอยู่แล้ว 
    อ่านและศึกษาโค้ดจากโปรเจกต์ที่เขียนโดยโปรแกรมเมอร์ที่มีประสบการณ์ หรือจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น GitHub หรือ Stack Overflow เพื่อเรียนรู้แนวทางที่ดีและเทคนิคต่างๆ ที่อาจไม่พบในหนังสือหรือบทเรียน เช่น เรียนรู้วิธีการแก้ปัญหาที่พบได้บ่อย เพื่อให้สามารถนำความรู้ที่ได้จากการศึกษาโค้ดมาปรับใช้กับโปรเจกต์ของตัวเองได้ 
     
  • สร้างโปรเจกต์ของตัวเอง 
    จะช่วยพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมและเป็นการนำทักษะที่ได้พัฒนามาประยุกต์ใช้ในงานจริงตั้งแต่เริ่มต้นออกแบบ วางแผน อีกทั้งวิธีนี้ยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและสร้างประสบการณ์จากการทำงานในสถานการณ์จริงได้อีกด้วย นอกจากนี้การสร้างโปรเจกต์ของตัวเอง ก็ถือเป็นการสร้าง Portfolio ในการสมัครงาน เพื่อนำเสนอให้นายจ้างเห็นความสามารถและทักษะที่เรามีได้ 

เคล็ด(ไม่)ลับ ฝึกฝน Coding ให้ได้ผล

สุดท้าย ถ้าเราอยากฝึกฝน Coding หรือฝึกเขียนโปรแกรมให้ได้ผล ต้องไม่ลืม 3 เคล็ดลับนี้ เพื่อให้สามารถพัฒนาทักษะได้อย่างต่อเนื่อง จนประสบความสำเร็จในสายอาชีพโปรแกรมเมอร์ในอนาคต 

เริ่มต้นจากสิ่งง่าย ๆ  

ไม่ต้องเร่งรีบไปสู่โปรเจกต์ที่ซับซ้อน แต่ให้เริ่มต้นจากสิ่งง่าย ๆ หรือเรียนรู้จากโปรเจกต์เล็ก ๆ ค่อยๆ เรียนรู้และพัฒนาทักษะเรื่อย ๆ จนไปสู่โปรเจกต์ที่ใหญ่ขึ้น 

เน้นความสม่ำเสมอ 

ความสำเร็จในการเขียนโปรแกรมมาจากการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เน้นฝึกบ่อย ๆ เพียงวันละ 1-2 ชั่วโมงหรือทำให้การเขียนโค้ดเป็นกิจวัตรประจำวัน ก็จะช่วยให้เราเกิดความชำนาญได้มากยิ่งขึ้น 

หาแรงบันดาลใจจาก Community 

เข้าร่วม Community ที่เกี่ยวข้องกับความรู้หรือทักษะที่ต้องการพัฒนา เช่น กลุ่ม Facebook เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ปรึกษาเมื่อเจอปัญหาระหว่างฝึกฝน และแรงบันดาลใจจากเพื่อนที่กำลังฝึกฝน หรือแม้กระทั่งคนที่ฝึกฝนจนสำเร็จแล้ว เพื่อช่วยสร้างกำลังใจในการพัฒนาทักษะได้อย่างต่อเนื่อง 

ทั้งหมดนี้ คือ วิธีที่สามารถนำไปประยุกต์เป็นแนวทางในการฝึกเขียนโปรแกรมได้ทุกภาษาไม่ว่าจะเป็น Python, JavaScript, Java หรืออื่น ๆ และหากใครอ่านมาถึงตรงนี้ และตัดสินใจได้แล้ว ว่าจะเลือกเรียนภาษา Java แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร สามารถคลิก Java 101: Coding ภาษา Java ต้องเริ่มต้นอย่างไร? เพื่อศึกษาแนวทางการฝึกได้เลย 

แสดงความคิดเห็น

Shopping Cart